Warehouse Management System (IWM)
Warehouse
- คลังวัตถุดิบ (Raw Material)
- คลังอะไหล่ (Spare Part)
- คลังสินค้าพร้อมขาย (Finish Goods)
- ศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center (DC)
- คลังเช่า (Warehouse for rent)
โปรแกรมบริหารจัดการคลังสินค้า
WMS จะแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ
– กลุ่มลูกค้าขนาดเล็ก และขนาดกลาง จะใช้โปรแกรม WMS ในลักษณะ Stand Alone คือไม่มีการเชื่อมต่อ ERP
– กลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ จะใช้โปรแกรม WMS ที่มีการเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบ ERP (Interface ERP)
ซึ่งจากประสบการณ์ในการ Implement ระบบ Warehouse Management System (WMS) มากกว่า 10 ปี เราจึงมีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับทีม ERP และวิธีการเชื่อมต่อข้อมูล เช่น SAP, SAP B1, Oracle, Microsoft dynamics AX, Business plus เป็นต้น และในการ Implement ระบบ WMS ให้แก่ลูกค้าแต่ละรายนั้น โดยส่วนมากแล้วลูกค้าแต่ละธุรกิจนั้น จะมีความต้องการที่แตกต่างกันบ้างในบางส่วนงานจึงต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติมจาก Standard ซึ่งถ้าท่านได้ใช้ซอฟท์แวร์ของคนไทยแล้ว แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในการ implement ย่อมมีราคาถูกกว่าซอฟท์แวร์ต่างประเทศอยู่มาก ช่วยให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากงาน Implement ของลูกค้าแต่ละราย เรามีทีมงานที่มีประสบการณ์ เราได้ Implement สำเร็จและเสร็จสมบูรณ์ใช้งานได้จริงกับลูกค้าทุกราย ซึ่งท่านสามารถขอเราติดต่อ เพื่อศึกษาดูงานอ้างอิงได้ เราจึงมั่นใจที่จะช่วยให้การใช้งาน ระบบบาร์โค้ด , RFID หรือระบบบริหารจัดการคลังสินค้า คลังสินค้า WMS ของท่านลูกค้าสำเร็จได้ด้วยดี เพื่อธุรกิจที่กำลังขยายของและเป้าหมายทางธุรกิจของท่านลูกค้า
โครงสร้างของโปรแกรม WMS
Warehouse Management System (WMS) หรือ โปรแกรมบริหารคลังสินค้า คือ โปรแกรมระบบคอมพิวเตอร์ ที่ช่วยให้กระบวนการทำงานในคลังสินค้า มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มความรวมเร็วในการทำงาน ความถูกต้อง การค้นหา ตรวจสอบข้อมูลสินค้าได้ถูกต้อง แม่นยำ ตามเงื่อนไขการทำงานของธุรกิจแต่ละบริษัท จึงช่วยลดปัญหาสินค้าสูญหาย ปัญหา การหาสินค้าไม่พบด้วย
ฟังก์ชันงานของโปรแกรม WMS นั้น จะรองรับการทำงานพื้นฐานของคลังสินค้า ตั้งแต่ขั้นตอน การรับสินค้า จัดเก็บสินค้า ย้ายสินค้า นับสินค้า จ่ายสินค้า เป็นต้น และมีรายงานจำนวนสินค้าคงคลัง รายงานความเคลื่อนไหวของสินค้า (Stock Card) จึงทำให้สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้อย่างรวดเร็วโปรแกรม WMS นั้นสามารถทำงานได้กับคลังสินค้าทุกประเภทธุรกิจ เช่น ธุรกิจอาหาร ธุรกิจอะไหล่รถยนต์ ธุรกิจซื้อมาขายไป ธุรกิจอุตสาหกรรมเหล็กเป็นต้น และยังสามารถทำงานกับคลังทุกประเภท เช่น คลังวัตถุดิบ (Raw Material) คลังอะไหล่ (Spare Part) คลังสินค้าพร้อมขาย (Finish Goods) อีกทั้งยังใช้งานร่วมกับ บาร์โค้ด( Barcode) , RFID, Printer Barcode อีกด้วย
1. Express Edition : เป็นรุ่นที่ทำงานแบบ Stand Alone Warehouse สามารถทำงานตามกระบวนการพื้นฐานของคลังได้ คือ การรับสินค้า ย้ายสินค้า จ่ายสินค้า ปรับยอดสินค้า และดูรายงานสินค้าคงคลัง รวมทั้งมีรายงาน Stock Card ไว้ตรวจสอบความเคลื่อนไหว ของสินค้าภายในคลังได้ซึ่งฟังก์ชันงานทั้งหมดจะรองรับการทำงานบน PC เท่านั้น ผู้ใช้งานจำเป็นต้องนำข้อมูลการทำงานในคลังมาบันทึกลงโปรแกรมเอง ถ้าไม่ได้คีย์บันทึก ข้อมูลก็จะไม่ตรงกับสินค้าจริงในคลังเหมาะสำหรับบริษัทที่เกิดปัญหาการจัดการจำนวนสินค้าในคลัง เรื่องการทำงานแบบ Manual ต้องเสียเวลา update ข้อมูล stock อยู่ตลอดเวลา แล้วไม่มีเอกสารไว้ตรวจสอบย้อนหลัง หรือสืบค้นยาก รุ่นนี้จะมีราคาที่ไม่สูง เหมาะสำหรับบริษัทที่มีงบประมาณน้อย ไม่สามารถลงทุนระบบ Network และ Wireless Network ได้ หรือต้องการทดลองใช้ระบบเบื้องต้น ก่อนการลงทุนที่มากขึ้น และฐานข้อมูลใช้เป็น Microsoft SQL Express Edition ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้ฟรี
2. Standard Edition : เป็นรุ่นที่รองรับการทำงานแบบ Multiple Warehouse สามารถทำงานตามกระบวนการพื้นฐานของคลังได้ คือ การรับสินค้า ย้ายสินค้า จ่ายสินค้า ปรับยอดสินค้า และดูรายงานสินค้าคงคลัง รวมทั้งมีรายงาน Stock Card ไว้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของสินค้าภายในคลังได้ แต่ฟังก์ชันที่เพิ่มขึ้นมาคือ การหยิบสินค้า, การนับสินค้า, การย้ายสินค้าระหว่างคลัง
ซึ่งฟังก์ชันการทำงาน รองรับระบบบาร์โค้ด และเพิ่มการรองรับการทำงานบน PDA แต่กระบวนการหาพื้นที่จัดเก็บสินค้า และการหาสินค้าเพื่อหยิบ ให้ลูกค้านั้น จะตัดสินใจโดยผู้ใช้งาน หรือให้ระบบช่วยเสนอแนะเบื้องต้นได้ รวมทั้งมีระบบจองพื้นที่เก็บสินค้า และระบบจองจำนวนสินค้าเวลาสร้างใบหยิบได้ เหมาะสำหรับบริษัทที่มีคลังสินค้าหลายคลัง และต้องการความถูกต้องในกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาสินค้าในคลังสูญหายได้ ผู้ใช้งานต้องมีการทำระบบ Network และ Wireless Network ในการทำงาน พร้อมทั้งจัดหาอุปกรณ์ Mobile Computer (Handheld) ในการทำงานด้วย
3. Professional Edition : เป็นรุ่นใหญ่ที่มีฟังก์ชันการทำงานรองรับการทำงานในคลังสินค้า และสามารถเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบ ERP ได้ ซึ่งสิ่งที่เพิ่มขึ้นมา คือ สามารถกำหนดเงื่อนไขในการจัดเก็บ การหยิบสินค้า โดยให้ระบบหาให้ได้ และรองรับการทำงานแบบ LPN Control (License Plate Number Control) การแพ็คสินค้า การโหลดสินค้า เป็นต้น
เหมาะสำหรับบริษัทที่ต้องการนำโปรแกรม WMS มาบริหารคลังสินค้าขนาดกลาง ถึงใหญ่ และเชื่อมต่อข้อมูลกับ ERP